Last updated: 23 มิ.ย. 2566 | 6757 จำนวนผู้เข้าชม |
ระหว่างการเดินทางในแต่ละทริปนั้น กระเป๋าเดินทางพังระหว่างทางเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น นอกจากจะทำให้ข้าวของเสียหายแล้วยังทำให้เสียเวลาและเสียความรู้สึกอีกด้วย แต่หากความเสียหายเหล่านั้นเกิดขึ้นขณะกระเป๋าอยู่ภายใต้การดูแลของสายการบิน ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายแบบใดก็ตาม ตั้งแต่กระเป๋าเดินทางแตก ล้อพัง เข็นหรือลากไม่ได้ ซิปแตก และปัญหาอื่น ๆ จะสามารถขอรับการดูแลและขอชดเชยความเสียหายได้ เป็นความคุ้มครองที่ติดมากับตั๋วเครื่องบินโดยไม่จำเป็นต้องซื้อประกันการเดินทางเพิ่มเติม ปกติแล้วทุกสายการบินจะมีมาตรการช่วยเหลือที่แตกต่างกันออกไปตามนโยบายของแต่ละบริษัท ซึ่งผู้โดยสารสามารถติดต่อเพื่อเคลมกระเป๋าเดินทางกับทางสายการบินได้
ก่อนจะเคลมกระเป๋าเดินทางกับสายการบินนั้น ต้องรู้ก่อนว่ามูลค่าที่สายการบินตีราคาออกมา อาจไม่เท่ากับมูลค่าตามจริงที่คุณให้ และมักจะไม่ครอบคลุมถึงสิ่งของที่ขึ้นรายการว่าเป็นสิ่งมีค่า หรือหมดอายุได้ โดยส่วนมากแต่ละสายการบินจะมีวิธีเคลมกระเป๋าตามเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป แต่เบื้องต้นสามารถทำตามขั้นตอนการเคลมดังต่อไปนี้
1.ตรวจสอบกระเป๋า
เมื่อรับกระเป๋าที่สายพานเรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจสอบกระเป๋าเดินทางของตนเองก่อนทุกครั้งว่ามีอะไรเสียหายหรือไม่ ขั้นแรกสังเกตจากภายนอก หมุนดูรอบกระเป๋าเพื่อสำรวจว่ามีรอยแตกหรือรอยร้าวหรือไม่ จากนั้นลองตรวจสอบว่ากระเป๋าปิดสนิท ซิปรูดได้หรือไม่ ก่อนจะลองลากกับพื้นเพื่อตรวจสอบว่าล้อชำรุดเสียหายใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเคลื่อนย้ายกระเป๋าไปยังบริเวณอื่นและอย่าเพิ่งนำกระเป๋าที่เสียหายกลับออกนอกสนามบินโดยไม่แจ้ง
2.ติดต่อเจ้าหน้าที่
เมื่อพบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกระเป๋าเดินทาง ให้มองหา Baggage Services ของสายการบินที่ท่านโดยสารมา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วบริเวณสายพานจะมีจุดบริการสัมภาระของแต่ละสายการบินตั้งอยู่ นำกระเป๋าพร้อม Boarding Pass และ Passport ไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ทันที อย่าลืมว่าห้ามนำกระเป๋าที่เสียหายกลับออกไปจากสนามบินแล้วนำกลับมาเคลมทีหลัง เนื่องจากสายการบินจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครคือทำกระเป๋าเดินทางเสียหาย และจะไม่นับเป็นความรับผิดชอบของทางสายการบิน
3.ออกเอกสาร Damage Report
เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบ บันทึกภาพ ประเมินจุดที่เสียหายและทำเรื่องเคลมกระเป๋าให้ โดยใช้แท็กกระเป๋าที่เราได้รับตอนเช็คอิน ดังนั้นแล้วอย่าเพิ่งทิ้งแท็กกระเป๋า นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อบันทึกข้อมูลลงระบบ และเจ้าหน้าที่จะออกเอกสาร Damage Report หรือ Property Irregularity Report (PIR) เอกสารที่บันทึกรายละเอียดความเสียหายต่าง ๆ และลักษณะของกระเป๋า สี ยี่ห้อ ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรให้ เพื่อเป็นการยืนยันว่ากระเป๋าชำรุดจากการทำงานของสายการบินจริง และทางสายการบินยินดีจะรับผิดชอบต่อความเสียหายนั้น
4.การซ่อมแซม
การซ่อมแซมกระเป๋าเดินทางที่เสียหายนั้น ทางสายการบินจะมีรูปแบบการรับผิดชอบแบ่งเป็น 2 กรณีหลัก ๆ คือ กรณีที่กระเป๋าเดินทางเสียหายไม่มาก และกรณีที่กระเป๋าเดินทางเสียหายหนักจนไม่สามารถใช้งานได้
สำหรับกระเป๋าที่เสียหายไม่มากยังสามารถใช้งานได้อยู่ เจ้าหน้าที่จะให้ผู้โดยสารนำกระเป๋ากลับไปใช้งานก่อน แล้วทางสายการบินจะติดต่อเพื่อนัดวันเวลาให้เจ้าหน้าที่เข้ามารับกระเป๋าไปส่งซ่อมแซม และนำกลับมาคืนให้ แต่หากผู้โดยสารไม่สะดวกสามารถเจรจานำกระเป๋าไปซ่อมเองได้ในบางสายการบิน ซึ่งจะต้องซ่อมตามรายละเอียดที่บันทึกไว้ในเอกสาร Damage Report เท่านั้น ไม่สามารถซ่อมแซมนอกเหนือจากนั้นได้ เก็บใบเสร็จค่าซ่อมแซมไว้แล้วนำไปเบิกค่าใช้จ่ายจากทางสายการบินภายหลัง
สำหรับกระเป๋าที่เสียหายรุนแรง กระเป๋าแตกทั้งใบจนไม่สามารถซ่อมได้ ทางสายการบินจะเสนอการชดเชยให้ 2 รูปแบบได้แก่ จัดหากระเป๋าใบใหม่ให้เพื่อทดแทนกระเป๋าใบเดิม โดยกระเป๋าที่ทดแทนจะเป็นกระเป๋ารุ่น ยี่ห้อ และสีที่เหมือนหรือใกล้เคียงใบเดิมของผู้โดยสารที่สุด ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสายการบิน หรือเลือกเป็นเงินชดเชยตามราคาที่สายการบินประเมินให้
การเคลมกระเป๋าเดินทางที่เสียหายกับทางสายการบินไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด แต่ที่สำคัญต้องอย่าลืมตรวจสอบกระเป๋าให้ถี่ถ้วนตั้งแต่ออกมาจากสายพาน เพื่อที่จะได้แจ้งเจ้าหน้าที่ในทันทีและออกใบ Damage Report ไว้ยืนยันความเสียหายและความรับผิดชอบจากสาย